วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันมาฆบูชา






 
4 มีนาคม 2558  วันมาฆบูชา
           


            วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง   คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3
           การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม
           ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
          ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
          1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
          2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
          3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
          4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
          และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ
          จาตุร แปลว่า 4
          องค์ แปลว่า ส่วน
          สันนิบาต แปลว่า ประชุม
          ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

10 กุมภาพันธ์ วันอาสารักษาดินแดน


ประวัติวันอาสารักษาดินแดน

          สำหรับความเป็นมาของ วันอาสารักษาดินแดน 10 กุมภาพันธ์ เกี่ยวพันกับการก่อตั้ง กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ซึ่งเป็นองค์กรที่ขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการ สืบเนื่องจากเมื่อครั้งอดีต ชาวบ้านซึ่งไม่ใช่กำลังทหารมักออกมารวมตัวกันต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินในยามเกิดศึกสงครามเสมอ

          ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากองเสือป่าขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2454 ให้เป็นกองพลอาสาสมัครเพื่ออบรมข้าราชการและประชาชนให้รู้จักรักชาติ รู้จักหน้าที่ในการป้องกันรักษาประเทศชาติ

          จากความพยายามจัดตั้งหน่วยพลเรือนอาสาให้เป็นระบบ โดยมีการนำแนวคิดจากต่างประเทศมาใช้ ในเวลาต่อมา ยุคสมัยที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มี พระราชบัญญัติกำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ พ.ศ. 2481 และพระราชบัญญัติให้อำนาจในการเตรียมการป้องกันประเทศ พ.ศ. 2484 เพื่อฝึกอบรมคนไทยให้รู้จักหน้าที่ในการที่จะป้องกันรักษาประเทศชาติในเวลาสงคราม โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการ

          ในเวลาต่อมาได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2497 สืบเนื่องจากการดำเนินการด้านพลเรือนอาสามีรูปแบบและระบบที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนามาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงเป็นวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนนั่นเอง

10 กุมภาพันธ์ วันอาสารักษาดินแดน

10 กุมภาพันธ์ วันอาสารักษาดินแดน

วันนักประดิษฐ์ 2 กุมภาพันธ์




ประวัติวันนักประดิษฐ์ 2 กุมภาพันธ์
           เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น วันนักประดิษฐ์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงประดิษฐ์ "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอยน้ำ" หรือ "กังหันน้ำชัยพัฒนา"และได้รับสิทธิบัตรทางปัญญาเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นวันที่ระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวายแด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ทรงคิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม

          สำหรับงานวันนักประดิษฐ์ครั้งแรกได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 ณ ศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 


กิจกรรมวันนักประดิษฐ์ 2 กุมภาพันธ์


          สำหรับกิจกรรมวันนักประดิษฐ์ 2 กุมภาพันธ์นั้น จะเป็นการนิทรรศการและการแสดงผลงาน สิ่งประดิษฐ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการจัดประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ ประเภททั่วไปและนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนตลอดจนประชาชนทั่วไปหันมาสนใจการคิดค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

วันนักประดิษฐ์ ประวัติวันนักประดิษฐ์

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

๕ ธันวามหาราช



๕ ธันวามหาราช
          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ซึ่งเหตุที่พระราชสมภพในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ที่นั่น
          พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"  อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "ผู้มีอำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นสืบราชสันตติวงศ์ต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลา ๖๘ ปีที่พระองค์ทรงดำรงฐานะเป็นพระประมุขของชาติ เป็นระยะเวลาการครองราชย์ที่ยาวนานกว่ามหาราชาองค์ใดในโลกและบูรพกษัตริย์องค์ใดในแดนสยาม และเป็นเวลา ๖๘ ปีนี้เอง ที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญาความสามารถ และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่เป็นนิจนานัปการ ด้วยหวังให้มหาชนชาวสยามถึงพร้อมด้วยประโยชน์สุข ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ตั้งแต่สมัยเมื่อเสด็จขึ้นเถลิ งถวัลยราชสมบัติ ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ได้พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยเมื่อครั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ว่า  "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม"


วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

25 พฤศจิกายน วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า



 วันที่ 25 พฤศจิกายน 2468 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษ ขณะมีพระชนมายุเพียง 45 พรรษา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้น ดังนั้น ทางราชการจึงได้กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันที่ระลึก “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า”
    ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2423 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราชสมบัติเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2468 รวมพระชนมพรรษา 45 พรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติรวม 15 ปี
    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือ ด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระมหาธีราชเจ้า" 



    พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรีพระองค์แรกที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรงมีการการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบันขึ้นแทน ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้างอารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรงพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน
    พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ (แต่มิทันได้จัดก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน) และทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว จะพระราชทานเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ 
    ทั้งนี้ ในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ ในวันนั้นมีหน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน นิสิตนักศึกษา พ่อค้าประชาชนจำนวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ณ วชิราวุธวิทยาลัย



วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

น้ำดีท็อกซ์ เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่เพื่อสุขภาพ วิตามินซีเต็ม ๆ

น้ำดีท็อกซ์ เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่เพื่อสุขภาพ วิตามินซีเต็ม ๆ แก้ว
น้ำดีท็อกซ์ เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่เพื่อสุขภาพ วิตามินซีเต็ม ๆ แก้ว

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Rin Silpachaiคุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

             ยุคนี้ใครไม่รู้จักน้ำดีท็อกซ์ (Detox Water) คงจะเชยไปแล้วล่ะ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเทรนด์ใหม่ที่ได้วิตามินซีเต็ม ๆ คำ สีสันสดใส แถมยังทำง่ายจนไม่น่าเชื่อ

             น้ำดีท็อกซ์ (Detox Water) หรือน้ำหมักผลไม้ เครื่องดื่มอินเทรนด์ของคนสมัยใหม่ที่จับเอาผักและผลไม้ที่ตัวเองชอบไปหมักทิ้งไว้กับน้ำเปล่าหรือน้ำแร่ธรรมชาติ จับไปแช่เย็นทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง แล้วก็นำออกมาดื่มให้ชื่นใจสุด ๆ แถมยังได้วิตามินซีเต็ม ๆ แก้ว นอกจากจะดื่มแล้วดีต่อสุขภาพแล้ว หารู้ไม่ว่าวิธีทำนั้นง่ายมาก ๆ วันนี้เรามีวิธีทำน้ำดีท็อกซ์ หรือ Infused Detox Water จากคุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม มาฝาก ใครที่อยากลองตามเทรนด์ทำน้ำดีท็อกซ์เพื่อสุขภาพแบบนี้ดื่มดู ตามมาดูวิธีทำที่สุดจะง่ายกันเลย

 สิ่งที่ต้องเตรียม

           เลมอน 1 ลูก

             มะนาว 1-2 ลูก

             ส้ม 1 ลูก

             แตงกวาลูกใหญ่ 1/2 ลูก

             ใบสะระแหน่ 1 กำมือ

             สตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วย

             น้ำกรองสะอาด 12 ถ้วย

             เหยือกใบใหญ่

  วิธีทำ

             1. ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด  สไลซ์เป็นชิ้นบาง ๆ เตรียมไว้ 

             2. เรียงส่วนผสมทั้งหมดลงในเหยือก เทน้ำตามลงไปจนเต็ม นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง

             ว้าว ! น้ำดีท็อกซ์นอกจากจะได้สุขภาพแล้ว คุณจะไม่ตกเทรนด์อีกด้วยนะคะ 

ที่มา http://cooking.kapook.com/view99899.html